เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
วันแรงงานข้ามชาติสากล 18 ธันวาคม พ.ศ. 2564
วิกฤตการย้ายถิ่นจากประเทศเมียนมา:
ปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้อพยพย้ายถิ่นและผู้ลี้ภัย
ในปีที่ผ่านมาผู้คนเดินทางหรืออพยพด้วยความสมัครใจน้อยกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ และเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้คนหลายแสนคนในประเทศเมียนมาต้องหลบหนีเพื่อความปลอดภัยและความอยู่รอดของตนเอง นับตั้งแต่มีรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
พ.ศ. 2564 และการที่กองทัพรับรองการก่อการร้าย ส่งผลให้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กมากกว่า 380,000 คน ต้องพลัดถิ่นภายในประเทศ ขณะที่หลายหมื่นคนได้ข้ามพรมแดนระหว่างประเทศหนีการสู้รบและสงคราม เพื่อความปลอดภัยในชีวิต หางานทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเองและครอบครัว เพื่อให้พวกเขาหลุดพ้นจากความยากจนและความอดอยาก
เมื่อพิจารณาถึงการกระทำที่โหดร้ายตามอำเภอใจของระบอบทหารเมียนมาแล้ว กอปรกับไม่สามารถรับประกัน
ความปลอดภัยของใครในการกลับเข้าประทศในขณะนี้ได้ หลักการไม่ส่งกลับที่บังคับใช้ภายใต้กฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ (non-refoulement) จึงควรนำไปใช้กับทุกคนที่ข้ามพรมแดนจากประเทศเมียนมา
เนื่องในวันแรงงานข้ามชาติสากล เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเรียกร้องให้ประเทศเมียนมา
ในฐานะเพื่อนบ้าน:
- ยอมรับและปกป้องแรงงานข้ามชาติจากประเทศเมียนมาตามหลักมนุษยธรรมและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน
- หยุดการขัดขวางการเคลื่อนย้าย การเนรเทศ และการขับไล่ผู้ย้ายถิ่นทั้งหมดไปยังประเทศเมียนมา
- อนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) และสถานทูตจัดหาแนวทางการตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่สามแก่ผู้ที่ยื่นขอและมีคุณสมบัติ
พวกเราเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ:
- ให้การสนับสนุนด้านลอจิสติกส์และการเงินที่จำเป็นแก่ประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศเมียนมาเพื่อรับ,
ให้ความคุ้มครอง, ที่พักฉุกเฉิน, อาหาร และการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ที่หลบหนี
พวกเราขอเรียกร้องให้หน่วยงานระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ:
- ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมข้ามพรมแดนทันทีแก่ผู้พลัดถิ่นในประเทศเมียนมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเราเรียกร้องให้อาเซียนและสหประชาชาติ
- ดำเนินการต่างๆอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาต้นตอการถูกบังคับย้ายถิ่นจากประเทศเมียนมา
สมาชิกของเครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเรียกร้องให้ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศปลายทางหลัก
ในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงที่มีผู้ย้ายถิ่นที่ต้องหนีภัยออกจากประเทศเมียนมาโดยเฉพาะให้แสดงความเห็นอกเห็นใจและ
ใช้หลักปฏิบัตินิยมหรือ การทำให้เกิดผลในทางปฏิบัติ โดยให้การคุ้มครองตามความต้องการของผู้ย้ายถิ่น
ผู้ย้ายถิ่นที่เข้ามาทั้งหมดควรได้รับการคัดกรองเพื่อพิจารณาสถานะของพวกเขาในฐานะผู้ลี้ภัยหรือแรงงานข้ามชาติและลงทะเบียนและจัดทำเอกสารตามชายแดนหลังจากการตรวจโรคโควิด-19 การกักกันและการรักษาพยาบาล และในกรณี
ที่จำเป็น ควรให้การสนับสนุนฉุกเฉินในรูปแบบของที่พักพิง เสื้อผ้า อาหาร และสถานที่พักผ่อนที่ปลอดภัย
สำหรับผู้ที่เปราะบางที่สุด รวมทั้งผู้ที่บอบช้ำทางจิตใจ พิการ และหญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือมีลูกเล็กๆ ควรจัดเตรียม
ความช่วยเหลือเฉพาะทาง
ผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กที่กำลังหนีจากการสู้รบที่กำลังดำเนินอยู่ จะต้องสามารถใช้เส้นทางหนีเพื่อเอาชีวิตรอดที่ใกล้ที่สุด
และถูกยอมรับเข้าประเทศไทยได้ ณ จุดนั้น
เมื่อพิจารณาถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานในปัจจุบันของประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเมื่อประเทศกลับมาเปิด
ทำการอีกครั้ง การเปิดเส้นทางสู่การจ้างงานสำหรับผู้ลี้ภัยและผู้อพยพสามารถจัดการกับปัญหาการขาดแคลนนี้ได้
ในขณะเดียวกันนั้น ยังให้รายได้ อิสรภาพ และศักดิ์ศรีแก่ผู้คน การจ้างงานที่ได้รับค่าจ้างจะช่วยลดการพึ่งพารัฐบาลไทยและประชาคมระหว่างประเทศในการสนับสนุนได้ มีรายงานประจำวันในสื่อเกี่ยวกับการจับกุม ควบคุมตัว และเนรเทศชาวเมียนมาเนื่องจากเข้าประเทศไทยโดยไม่มีเอกสาร ในความจริง ผู้คนจากประเทศเมียนมาในปัจจุบันมีทางเลือก
เพียงน้อยนิด จึงจำเป็นต้องใช้บริการนายหน้าและผู้ลักลอบนำคนเข้าเมือง แต่เนื่องจากลักษณะที่ต้องกระทำการซ่อนเร้น การลักลอบนำเข้าทำให้ชีวิตของแรงงานข้ามชาติตกอยู่ในความเสี่ยง การยอมให้มีภาวะที่บีบบังคับให้ผู้คนใช้บริการผู้ลักลอบ
นำคนเข้าเมืองเป็นการเพิ่มโอกาสที่ผู้ค้ามนุษย์ฉกฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าวได้
เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (MMN) ยินดีกับความพยายามของรัฐบาลไทยในการเริ่มต้นกระบวนการบันทึก
ความเข้าใจ (MOU) ใหม่เพื่อให้แรงงานใหม่เข้ามาได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ยากไร้
ในประเทศเมียนมาเป็นจำนวนมาก และจะไม่ส่งผลต่อจำนวนผู้อพยพที่ต้องการความปลอดภัยและการดำรงชีวิต
ในประเทศไทย การอำนวยความสะดวกแก่ผู้อพยพที่เดินทางกลับประเทศเมียนมาก่อนช่วงการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
เพื่อกลับประเทศไทยโดยใช้เอกสารที่มีอยู่จะเข้าถึงผู้ยากไร้ได้มากขึ้น
ทางเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเนื่องในวันผู้แรงงานข้ามชาติสากล และสถานการณ์ที่ซับซ้อนที่ชาวเมียนมากำลังเผชิญอยู่นั้น
แนวทางปฏิบัติเหล่านี้จะสามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งจะสามารถตอบสนองต่อความเป็นจริงล่าสุดเกี่ยวกับการอพยพออก
จากประเทศเมียนมาและรักษาสิทธิมนุษยชนของทุกคนที่พยายามข้ามพรมแดน .
หลังปีใหม่ เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (MMN) จะเปิดตัวรายงานเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานจากประเทศ
เมียนมานับตั้งแต่รัฐประหาร สำหรับข้อมูลอัพเดทต่างๆ กรุณาติดตามเว็บไซต์ของเราที่ www.mekongmigration.org
______________________________
เกี่ยวกับเครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong Migration Network – MMN)
เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong Migration Network – MMN) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2546 เป็นเครือข่าย
ระดับอนุภูมิภาคขององค์กรภาคประชาสังคมสนับสนุนผู้ย้ายถิ่นฐาน กลุ่มผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน และสถาบันวิจัย เป้าหมายหลักของเครือข่ายการย้ายถิ่นลุ่มแม่น้ำโขง (MMN) คือการส่งเสริมสวัสดิการ ความอยู่ดีมีสุข ความมีเกียรติ และ
สิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และสร้างการสนับสนุนและความสามัคคี
ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติและผู้สนับสนุน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เครือข่ายการย้ายถิ่นลุ่มแม่น้ำโขง (MMN) ได้ร่วมกันดำเนินการวิจัย การสนับสนุน การเสริมสร้างศักยภาพ และสร้างเครือข่าย
สนใจข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดตัวรายงานการวิจัย กรุณาติดต่อ
คุณเรโกะ ฮาริมา ผู้ประสานงานระดับภูมิภาค เครือข่ายการย้ายถิ่นลุ่มแม่น้ำโขง (MMN) ที่ reiko@mekongmigration.org (ภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่น) หรือ WhatsApp +852 93692244; และคุณวิจิตรา จันทวงศ์ ผู้ประสานงานโครงการ MMN (ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ) ที่: wichitra@mekongmigration.org
______________________________