TCIJ: เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงจัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้มีส่วนได้เสียหลายภาคส่วนเพื่อหารือเรื่องแรงงานข้ามชาติภาคเกษตรกรรมในประเทศไทย

Link: https://www.tcijthai.com/news/2019/12/current/9700

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Mekong Migration Network – MMN) ซึ่งเป็นเครือข่ายองค์กรประชาสังคมที่สนับสนุนสิทธิของแรงงานข้ามชาติในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงจัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายภาคส่วนเรื่องแรงงานข้ามชาติภาคเกษตรกรรมในประเทศไทย ณ โรงแรม IBIS Riverside Bangkok ซึ่งในจัดการประชุมครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมมากกว่า 40 คน จากหลากหลายภาคส่วน อาทิ ตัวแทนแรงงานข้ามชาติ เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานไทย เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกัมพูชา ตัวแทนจากกลุ่มภาคประชาสังคมในประเทศไทย เมียนมาร์และกัมพูชา เจ้าหน้าที่จากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ และผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ

เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงดำเนินการวิจัยประเด็นสำคัญที่มีผลต่อแรงงานข้ามชาติมาตั้งแต่ปี 2544 และโครงการวิจัยในปัจจุบันได้มุ่งเน้นการวิจัยในประเด็นภาคเกษตรกรรม เนื่องจากแรงงานต้องเผชิญปัญหาต่างๆเกี่ยวการทำงานในฟาร์มและพื้นที่เพาะปลูกทางภูมิศาสตร์ที่ห่างไกล รวมไปถึงการเผชิญความยากลำบากที่จะเข้าถึงการได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงานไทยมาอย่างยาวนาน เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงนำเสนอและแลกเปลี่ยนรายงานเบื้องต้นเรื่อง “แรงงานข้ามชาติภาคเกษตรกรรมในประเทศไทย” ซึ่งเป็นผลมาจากการทำวิจัยร่วมกันของเครือข่ายและการจัดกลุ่มเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญสามประการสำหรับแรงงานข้ามชาติภาคเกษตรกรรม คือ การคุ้มครองแรงงาน การเข้าถึงการคุ้มครองทางสังคมและบริการทางสังคม และอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในอาชีพ

ระหว่างการประชุมนาย Win Zaw Oo แรงงานข้ามชาติภาคเกษตรกรรมที่ทำงานในไร่ข้าวโพด สับปะรดและอ้อยในประเทศไทยเป็นระยะเวลา 17 ปี อธิบายว่า “เราต้องการให้องค์กรภาคประชาสังคมเป็นสื่อกลางในนามของแรงงานเพื่อเจรจาให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างตามค่าแรงขั้นต่ำ รวมทั้งตรวจสอบให้แน่ใจว่าแรงงานข้ามชาติมีสภาพการทำงานและความเป็นอยู่ที่ปลอดภัยและเหมาะสม”

คุณจันทนา ศิริมธุรส หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการคุ้มครองแรงงาน  กองคุ้มครองแรงงานนอกระบบ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ประเทศไทย ตอบสนองต่อข้อกังวลของแรงงานว่า“ ปีหน้าทางกระทรวงแรงงานจะมีนโยบายใหม่เพื่อระบุกรณีการละเมิด ดังนั้น ผู้ตรวจแรงงานจะมีอำนาจออกคำสั่งให้นายจ้างปรับปรุงการปฏิบัติต่อลูกจ้างให้ดีขึ้น หากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามจะมีการส่งเรื่องให้ตำรวจ นอกจากนี้ เรายังให้บริการการสายด่วนแก่แรงงานข้ามชาติทุกคนสามารถใช้ได้โดยไม่คำนึงถึงสถานะผู้เข้าเมือง”

นางสาว Cho Win Zu แรงงานข้ามชาติจากประเทศเมียนมาร์ที่ทำงานในภาคเกษตรกรรมในประเทศไทยเป็นเวลา 20 ปี บอกกับผู้มีส่วนได้เสียว่า เธอกรีดยางในตอนกลางคืนและเก็บผลปาล์มในตอนกลางวัน เธออธิบายถึงลำบากที่เผชิญว่า“ เมื่อลูกชายของฉันเกิดอุบัติเหตุขณะช่วยงานและต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัด นายจ้างไม่ได้จ่ายค่าชดเชยหรือค่ารักษาพยาบาลให้เรา ฉันต้องหาซื้ออุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลด้วยตัวเอง”

คุณนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักเงินสมทบ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า“ เรามุ่งมั่นที่จะรวบรวมแรงงานข้ามชาติทั้งหมดเข้ามาอยู่ในระบบประกันสังคม ของประเทศไทย เรากำลังทำงานกับกรมการจัดหางานเพื่อให้แน่ใจว่าคนงานทุกคนลงทะเบียนในระบบประกันสังคมและได้รับการลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมในกองทุนเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้างแทนนายจ้าง”

เครือข่ายการย้ายถิ่นในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จะเปิดตัวรายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์เรื่องแรงงานข้ามชาติในภาคเกษตรกรรม ณ สโมสรผู้สื่อข่าวระหว่างประเทศประจำประเทศไทย (Foreign Correspondents’ Club of Thailand – FCCT) ในวันที่ 30 มกราคม 2563  เวลา 10.30 น. โดยรายงานวิจัยดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแรงงานข้ามชาติจำนวน 328 คน และจากการสัมภาษณ์แรงงานข้ามชาติจำนวน 66 คน รวมถึงการวิเคราะห์เชิงลึกของกฎหมายไทยในปัจจุบันและข้อเสนอแนะจากแรงงานข้ามชาติและองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อเผยแพร่ข้อมูลการวิจัยในเชิงรุกและการสร้างความตระหนักถึงการปฏิรูปและการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ